ทำอย่างไรให้มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น ในที่ทำงาน ฝึกสติของวัยทำงาน
วิธีสร้างความสุขในการทำงานให้ยั่งยืน

งานของเราชำระค่าใช้จ่าย ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตื่นของเรา และยังทำให้ชีวิตของเรามีความหมายอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเป็นแหล่งของความเครียดที่สำคัญ: เส้นตายที่แน่นหนา วันที่ยาวนาน และการสนทนาที่ยากลำบาก ไม่ว่างานของคุณจะเป็นงานอะไร งานสามารถกระตุ้นความวิตกกังวลได้ สติช่วยได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายบริษัท ตั้งแต่ Google ไปจนถึง General Mills ได้เริ่มสอนเรื่องสติในสำนักงาน ไม่ว่าบริษัทของคุณจะทำหรือไม่ก็ตาม มีวิธีง่ายๆ ในการลดผลกระทบจากความเครียดในสถานที่ทำงานที่อาจมีต่อจิตใจและร่างกายของคุณ นี่คือคำแนะนำในการเริ่มต้นใช้งาน
คู่มือความสุข 8 ประการในที่ทำงาน HAPPY WORKPLACE มีดังนี้
- 1. Happy Body (สุขภาพดี) มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและจิตใจ เพราะมีความเชื่อว่าถ้ามนุษย์ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก็จะมีจิตใจที่ดี พร้อมที่จะรับมือกับ ปัญหาที่จะเข้ามาได้เป็นอย่างดี
- 2. Happy Heart (น้ำใจงาม) มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกันและกัน เนื่องจากมีความว่าเชื่อความสุขที่แท้จริงคือการเป็นผู้ให้
- 3. Happy Society (สังคมดี) มีความรักสามัคคีเอื้อเฟื้อต่อชุมชนที่ตนทำงาน และพักอาศัย มีสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดี เพราะเชื่อว่าการที่ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีภายในสังคมหรือชุมชน ย่อมเป็นพื้นฐานที่ดี ทำให้ผู้อยู่อาศัย มีความรัก ความปรองดอง สามัคคีกัน ต่อกัน พร้อมร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพัฒนาชุมชนให้มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- 4. Happy Relax (ผ่อนคลาย) รู้จักผ่อนคลายต่อสิ่งต่างๆ ในการดำเนินชีวิต เพราะเชื่อว่าการที่คนทำงานหากไม่รู้จักสรรหาการผ่อนคลายให้กับตนเอง จะทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความเครียด อันส่งผลกระทบต่อหน้าที่การทำงาน
- 5. Happy Brain (หาความรู้) มีการศึกษาหาความรู้พัฒนาตนเองตลอดเวลาจากแหล่งต่างๆ นำไปสู่การเป็นมืออาชีพและความมั่นคงก้าวหน้าในการทำงานเพราะเชื่อว่า ถ้าเราทุกคนแสวงหาความรู้ใหม่ๆ มาเพิ่มพูนความรู้ และพัฒนาตนเองอยู่สม่ำเสมอ ก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ช่วยให้องค์กรพัฒนาขึ้นด้วยบุคลากรที่มีศักยภาพ
- 6. Happy Soul (ทางสงบ) มีความศรัทธาในศาสนาและมีศีลธรรมในการดำเนินชีวิต เพราะเชื่อว่า หลัก ธรรมคำสอนของศาสนา เป็นสิ่งที่จะช่วยการดำเนินชีวิตของทุกคนให้ดำเนินไปในเส้นทางที่ดีได้ ทำให้ทุกคนมีสติ มีสมาธิในการทำงาน สามารถรับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้ ยึดหลักสนับสนุนให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี และมีความศรัทธาในคุณงามความดีทั้งปวง
- 7. Happy Money (ปลอดหนี้) มีเงิน รู้จักเก็บรู้จักใช้ ไม่เป็นหนี้ ปลูกฝังนิสัยอดออม ประหยัด รู้จักใช้ วิธีเงิน ไม่ใช้สุรุ่ยสุร่าย ใช้จ่ายแต่เท่าที่จำเป็น ยึดหลักคำสอนการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง
- 8. Happy Family (ครอบครัวดี) มีครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง ปลูกฝังนิสัยรักครอบครัว เพื่อนำไปเป็นหลักการใช้ชีวิต ให้รู้จักความรัก ความเชื่อมั่น และความศรัทธาในความดีงาม จึงจะเกิดเป็นคนดี ในสังคม (รักตนเอง รักครอบครัว รักการงาน รักเพื่อน รักในสิ่งที่พอเพียง)
สติคืออะไร?

ช่วงเวลาปัจจุบัน
การมีสติ — การให้ความสนใจกับช่วงเวลาปัจจุบันด้วยการยอมรับและไม่ตัดสิน — เป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่น่าเชื่อถือในการลดความเครียด รวมทั้งในที่ทำงานด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ การทำสมาธิเป็นวิธีฝึกจิตใจ ส่วนใหญ่ จิตใจของเราจะล่องลอยไป — เรากำลังคิดถึงอนาคต จมอยู่กับอดีต กังวล เพ้อฝัน กังวลใจ หรือฝันกลางวัน การทำสมาธินำเรากลับสู่ช่วงเวลาปัจจุบัน และมอบเครื่องมือที่จำเป็นในการทำให้เครียดน้อยลง สงบสติอารมณ์ และเมตตาต่อตนเองและผู้อื่นมากขึ้น
Dan Harris ผู้เขียนหนังสือ "10 Percent Happier" กล่าวว่า "ฉันคิดว่าการมีสติเป็นความสามารถที่จะไม่ถูกดึงรั้งด้วยอารมณ์ของตัวเอง “นั่นอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการที่คุณอยู่ในที่ทำงาน”
มีหลายวิธีที่จะฝึกสติในที่ทำงาน ตั้งแต่การเดินในตอนกลางวันไปจนถึงการหยุดพักระหว่างทานอาหาร วิธีหนึ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดคือการทำสมาธิแบบง่ายๆ
ทำงานจนเครียดอาจทำให้เราไม่อยากทำอย่างอื่น

การนำทัศนคติที่เอาใจใส่มาสู่งานของคุณจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของความเครียดที่สำคัญได้ และความเครียดในที่ทำงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอีเมล เครื่องมือแชทภายในสำนักงาน และโซเชียลมีเดียที่แข่งขันกันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเราอย่างต่อเนื่อง และบ่อยครั้งที่ทำให้คุณเสียสมาธิในชั่วโมงที่ผ่านมา
Janice Marturano ผู้ก่อตั้ง Institute for Mindful Leadership กล่าวว่า "เราได้รับการส่งเสริมในที่ทำงานให้ยึดติดกับเทคโนโลยีเวทมนตร์ที่หลากหลาย 24-7" "ข้อมูลที่เรากำลังถูกโจมตีสามารถทำให้เกิดความวิตกกังวลและสามารถสร้างความรู้สึกขาดการเชื่อมต่อที่สามารถครอบงำเราในชีวิตส่วนตัวและอาชีพของเรา"
วิธีหนึ่งที่สติสามารถช่วยได้คือเพียงแค่ช่วยให้เราปรับปรุงโฟกัสของเรา เมื่อเราเปลี่ยนจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่งอย่างต่อเนื่อง คุณภาพของงานของเราจะได้รับผลกระทบ โดยการฝึกสติ—เพียงแค่กลับมาสู่ปัจจุบันขณะครั้งแล้วครั้งเล่า—เราสามารถฝึกตนเองให้จดจ่อมากขึ้น
“นี่คือการฝึกสมาธิ” คุณแฮร์ริสกล่าว “และประสาทวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายประจำวันนี้สามารถเพิ่มพื้นที่ของสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความสนใจได้ การทำงานหลายอย่างพร้อมกันเป็นตำนานที่น่ากลัวที่ขัดขวางไม่ให้เราทำงานให้เสร็จลุล่วง”
10 วิธีในการมีสติมากขึ้นในการทำงาน

สำหรับใคร ที่ยังไม่เคยและอยากลองสัมผัส ความสุขเล็กๆ และประโยชน์ดีๆ จากการนั่งสมาธิ วันนี้เรามีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้การฝึกนั่งสมาธิของคุณเป็นเรื่องง่ายมาฝากกัน
1. จัดท่าทางให้ถูกต้อง
จริงอยู่ว่าใครๆ ก็นั่งขัดสมาธิ เพื่อนั่งสมาธิได้ แต่การนั่งที่ถูกต้อง คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณนั่งตัวตรง หัวตรง นั่นเพราะร่างกายของเราสัมพันธ์กับจิตใจค่ะ หากคุณนั่งตัวงอแล้วละก็ จิตใจของคุณก็จะล่องลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะคะ แต่ไม่ต้องนั่งเกร็งมาก ให้นั่งเหมือนเรากำลังผ่อนคลายดีที่สุด
2. เปิดตานั่งสมาธิ
บางครั้งการนั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องหลับตาเสมอไป คุณสามารถเปิดตาไว้ แต่ปรับระดับสายตาให้มองต่ำลง โดยกำหนดจุดให้เพ่งรวบรวมสมาธิไว้ เพราะบางคนเมื่อปิดตาแล้วกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ในหัวสมองเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าวิธีใดทำแล้วได้ผลมากกว่ากัน
3. กำหนดรู้ลมหายใจ
การกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการกำหนดที่ตั้งของสติ เพื่อให้จิตเราอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่นๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องไปบังคับการหายใจ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
4. นับลมหายใจเข้า-ออก
การนับลมหายใจเข้าออก เป็นวิธีปฏิบัติสมาธิมาตั้งแต่โบราณ โดยเมื่อคุณหายใจออกก็ให้คุณเริ่มนับหนึ่งในใจ ต่อไปก็เป็นสองสามสี่ตามลำดับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าความคิดของคุณกำลังล่องลอยออกไปที่อื่น ให้คุณกลับมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพื่อให้คุณนำจิตกลับมาที่เดิม
5. ควบคุมความคิดไม่ให้เข้ามารบกวน
เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณกำลังมีความ คิดเข้ามารบกวนจิตใจ ค่อยๆ ขจัดความคิดเหล่านี้ออกไป โดยหันมาสนใจกับการกำหนดลมหายใจ อย่าพยายามหยุดความคิดในทันที เพราะมันจะทำให้คุณฟุ้งซ่านและไม่สามารถกลับเข้าสู่สมาธิได้อีก
Credit Link: How to Be More Mindful at Work