ปวดศีรษะไมเกรนเกิดจากสาเหตุอะไร ควรเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงลดไหนบ้าง
สาเหตุอาการปวดศีรษะแบบไมเกรน
สาเหตุของการปวดศีรษะไมเกรนคืออะไร ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการปวดศีรษะไมเกรนเกิดจากอะไร แต่ปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรนมีหลายประการ หลักๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น แสงจ้า เสียงดัง กลิ่นที่รุนแรง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน หลับไม่พอ กินไม่เพียงพอ
ปวดศีรษะไมเกรน (Migraine headache) เป็นการปวดศีรษะที่รบกวนชีวิตประจำวัน โดยมีลักษณะการปวดแบบตุบๆ เป็นจังหวะ มักจะเกิดข้างเดียวของศีรษะ แต่ก็สามารถเป็นทั้งสองข้างได้ โดยอาการปวดในช่วงแรกมักมีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย และจะค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง และไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่นมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง / สาเหตุของการปวดหัวไมเกรน
สาเหตุของการเกิดไมเกรน ยังไม่ทราบสาเหตุเเน่ชัด เเต่จากวินิจฉัยการเกิดของโรคน่าจะมาจากความผิดปกติชั่วคราวในการทำงานของสมองที่มีผลกระทบต่อเส้นประสาทส่วนใหญ่แล้ว อาการในลิสต์เหล่านี้ มักเป็นตัวกระตุ้นให้อาการไมเกรนกำเริบ ได้แก่
แสงไฟสว่าง แสงไฟกระพริบ หรือแสงแดดที่จ้า
สภาพแวดล้อม เช่น แสงจ้าหรือแสงแฟลช เสียงดัง กลิ่นที่รุนแรง หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบฉับพลัน เมื่อผู้ป่วยไมเกรน สัมผัสกับแสงจ้า แสงเหล่านี้จะกระตุ้นเซลล์ประสาทบริเวณจอประสาทตา (Retinal ganglion cell; RGC) แล้วส่งสัญญาณไปยังสมองส่วน “ทาลามัส” ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบประสาทที่รับความรู้สึกเจ็บปวดได้ (Trigeminovascular system) ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรน และตาแพ้แสง สู้แสงไม่ได้
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง
ในช่วงก่อนมีประจำเดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ก่อนมีประจำเดือน 1 – 3 วัน ระดับเอสโตรเจนจะลดลงอย่างรวดเร็ว (estrogen withdrawal) ในผู้ที่สมองมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ (จากพันธุกรรม) หรือผู้ที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนอยู่แล้วจะเกิดการกระตุ้น ทำให้ปวดศีรษะไมเกรนได้
ฮอร์โมนเอสโตรเจน : อาการปวดหัวไมเกรน มักถูกกระตุ้นเมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว เรียกว่า “อาการปวดหัวไมเกรน ตอนเป็นประจำเดือน” (menstrual migraine)
ช่วงเวลาภายหลังจากคลอดบุตร : ในช่วงตั้งครรภ์ ความถี่ของการปวดไมเกรนจะลดลง แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว พบว่าความถี่ของการปวดไมเกรนจะสูงขึ้น เพราะช่วงตั้งครรภ์อยู่นั้น ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะขึ้นสูงเรื่อย ๆ และมาต่ำลงหลังที่คลอดบุตร จึงไปกระตุ้นอาการไมเกรน
การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมากเกินไป
พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการนอนน้อยเกินไปอาจทำให้มีอาการปวดหัว โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวอย่างไมเกรนนั้น มีโอกาสสูงที่อาการจะกำเริบมากกว่าอีกด้วย นอนเยอะเกินไป การนอนเกินกว่า 9 ชั่วโมงต่อคืน จะส่งผลต่อฮอร์โมนบางตัว ทำให้เลือดไหลไปยังสมองน้อยลง จึงทำให้เกิดอาการปวดหัวได้
ออกกำลังกายอย่างหักโหม เคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไป
ออกกำลังกายอย่างหักโหม หรือทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไป เป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะประเภทการออกกำลังการที่อาจไม่เหมาะและอาจกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน อาการปวดหัวอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลาขณะออกกำลังกาย อาจจะเกิดขึ้น ณ ช่วงระยะเวลาที่ใช้แรงมากๆ ขณะเล่นกีฬา หรืออาจเกิดขึ้นหลังเล่นออกกำลังกายไปแล้ว
การอดอาหาร หรือการรับประทานอาหารไม่เพียงพอ
การอดอาหารเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้ 40 – 57% สำหรับบ้านใดที่ไม่อยากให้ไมเกรนแผลงฤทธิ์ การทราบถึงอาหารที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะมีความสำคัญ เพราะการกินอาหารไม่เป็นเวลา หรือการอดอาหารจะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะ
ความเครียด
สาเหตุ เกิดจากการที่ร่างกายมีความเครียดแล้วหลั่งสารเคมีบางชนิดออกมา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหัว ขมับ บ่า เกิดการเกร็งตัว ลักษณะการปวดจะปวดตึง ๆ ตื้อ ๆ เหมือนมีอะไรมารัดหัว!! จึงทำให้รู้สึกปวดรอบๆ หัว และอาจปวดลามลงไปถึง คอ ไหล่ บ่า เลยก็มี
โดยความเครียดเกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ นั่นคือ
- ปัจจัยภายนอก เช่น เรื่องงาน การหย่าร้าง ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ การย้ายบ้าน เป็นต้น
- ปัจจัยภายใน โดยที่บางคนมีนิสัยคิดมาก ชอบวิตกกังวลในเรื่องเล็กน้อย หรือสารเคมีในสมองไม่สมดุลทำให้เกิดอารมณ์เครียดและเศร้าง่าย
สูบบุหรี่แล้วปวดหัว
เนื่องจากการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke) ข้อปฏิบัติเพิ่มเติมคือ งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ, ชา, น้ำอัดลม, เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น
อาหารที่สามารถกระตุ้นไมเกรน
อาหารที่ควรเลี่ยง ได้ เช่น ชีส แอลกอฮอล์ ผงชูรส อาหารที่ผสมไนไตรท์ เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน น้ำตาลเทียม นอกจากนี้ ยังพบว่า คาเฟอีน ถือเป็นสารที่กระตุ้นอาการไมเกรนได้ ใครที่กินกาแฟอยู่แล้วมีอาการไมเกรน ควรลดปริมาณการกินกาแฟลง อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยเพียง 20% เท่านั้น ที่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าอาหารเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรน
ข้อสรุป : อยากห่างไกลไมเกรน ต้องทำอย่างไร?
คนที่เป็นโรคไมเกรน ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมั่นออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงสิ่งเร้า หรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ งดเครื่องดื่มในกลุ่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการปวดหัวกำเริบ
ส่วนบุคคลทั่วไปก็ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย หากพบว่าตนเองมีอาการปวดหัวข้างเดียวบ่อย ๆ ก็มิได้หมายความว่าจะเป็น “โรคไมเกรน” เสมอไป ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อสุขภาพที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ตัวคุณเอง




